เอนทรี่ย์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ
9 สิงหาคม 1908
ฉันจรดปลายปากกาทันที
แทบจะในวินาทีแรกที่ว่างเว้นจากการรักษา ในกรณีนี้ ฉันย่อมหมายความถึง “ไม่มีใครที่ฉันจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด”
ต่างหาก ไม่มีอาหารใดๆตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวาน ยกเว้นแต่ซุปที่ถูกทิ้งไว้เสียจนเย็นชืด
และสุราปริมาณหนึ่ง ความแปลกประหลาดและความสงสัยทำให้ฉันปราศจากความต้องการต่ออาหาร
นี่อาจจะเป็นนิสัยเสียที่ฉันคงแก้ไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งยังศึกษาอยู่ที่เพนซิลวาเนีย
ดีร์ชาดยังคงทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอ
เมืองขนาดย่อมกว่าหากเทียบกับบ้านเกิดของฉันแห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยเรื่องพิศวงไม่ว่างเว้น
นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งในความพิศวงของดีร์ชาดที่ทำให้ฉันทั้งนึกรักและนึกชังเมืองแห่งนี้ขึ้นมาไม่มากไม่น้อย
ใช่ เป็นความพิศวงที่ฉันต้องอาศัยการจดบันทึกเพื่อยืนยันว่านี้ไม่ใช้เพียงความฝันของฉันแต่เพียงผู้เดียว
คนไข้ทั้งหมดบนเตียงอันตรธานหายไปเพียงชั่วขณะที่ฉันปลีกตัวออกไปสู่ห้องครัว
ข้าวของที่ระเกะระกะกลับสู่ความเป็นระเบียบด้วยตัวของมันเอง หากเหตุประหลาดมีเพียงเท่านั้นฉันคงไม่ให้ค่าของวันนี้มากถึง
“ความพิศวงแห่งดีร์ชาด” หรอก เพียงครู่เดียวที่ฉันยังสับสน
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครา กลับกันที่เบื้องหน้าประตูนั้นเป็นชายสูงวัยท่าทางเหนื่อยหอบในชุดนอนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าเศษดิน
ในอ้อมแขนของเขาอุ้มร่างหญิงสาวอายุน้อยที่หอบหายใจรวยระรินเคล้ากับสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
หน้าท้องของเจ้าหล่อนนูนหนาออกมาจนคล้ายจะระเบิด
ขณะที่โลหิตสดๆกลิ่นความข้นไหลอาบเต็มสองข้างหว่างขาและท่อนแขนของผู้เป็นสามี คงไม่อาจเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าความพิศวงได้
หากว่าฉันไม่ได้เห็นหญิงสาวผู้นี้สิ้นลมหายใจไปต่อหน้า
ด้วยสายตาของตนเองเมื่อวานนี้
แต่ความเป็นและความตายของชีวิตหนึ่งย่อมมีค่ามากเกินกว่าที่ฉันจะเสียเวลาถามไถ่ให้มากความ
สิ่งที่ฉันทำต่อไปคือเชื้อเชิญพวกเขาทั้งคู่เข้ามาอย่างเช่นแพทย์ทั่วไปจะต้องทำ
เธอยังคงมาหาฉันพร้อมอาการแท้งและตกเลือด
ผิวกายที่ซีดเซียวและมือของสองคนทุ่มจับแน่น สถานการณ์ที่ฉันต้องเผชิญแทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อวาน
แม้กระทั่งทุกๆรายละเอียดเล็กน้อยเท่าที่ฉันจะสังเกตได้
ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นอีกหน ในขณะที่ฉันกำลังดึงร่างไร้วิญญาณของเด็กน้อยผู้น่าเวทนาออกมาจากร่างกายมารดา
บานประตูของฉันถูกกระหน่ำเคาะ
ด้วยจำนวนครั้ง และจังหวะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวาน อีกครั้ง และ อีกครั้ง
ราวกับว่าเป็นหน้าบันทึกที่ถูกอ่านซ้ำอีกหน
หากฉันเพิ่งเคยเหยียบย่างเข้ามาในเมืองแห่งนี้เป็นครั้งแรก
เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้ฉันคลั่งจนอาจจะเสียสติ
เพียงแต่ว่าระยะเวลาที่ฉันอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้นั้นนานพอที่จะทำให้ใจชินชากับเหตุพิศวงที่เกิดขึ้นจนปราศจากความตื่นตระหนกใดๆ
นอกจากเพียงแค่เลิกคิ้ว แล้วตั้งคำถามอย่างเหนื่อยหน่ายว่า”อีกแล้วหรือ”
หากการคาดเดาของฉันไม่ผิดพลาด
ดีร์ชาดคงไม่ปล่อยให้เรื่องพิศวงนี่จบลงเพียงแค่คืนเดียว
และฉันก็คงจะไม่แปลกใจ
หากเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่
ฉันเองก็ยังคงอยากรู้ว่า ความพิศวงครั้งนี้จะจบลงเมื่อใด
และจะเป็นไปได้หรือไม่
ที่มีผู้อื่นนอกจากตัวฉัน ที่ถูกผลักออกจากกระแสแห่งความพิศวงดังกล่าว
หากฉันละทิ้งตำแหน่งหน้าที่ของตน
และทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจากวันที่ 8 สิงหาคม จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
ฉันอดกังขาในใจไม่ได้
ฉันควรจะออกตามหาเด็กหนุ่มผู้นั้นก่อนที่อรุณใหม่จะมาเยือน
และมันคงจะดีกว่านี้อยู่ไม่น้อย
หากว่าความพิศวงจะช่วยเติมเต็มขวดเหล้าที่ร่อยหรอของฉันด้วยสุราเช่นเดียวกับที่มันได้เติมเต็มหม้อซุปและบรรดาขวดยาที่ถูกใช้ไป
No comments:
Post a Comment